ผมจะสรุปให้ในสไตล์มืออาชีพแบบ “Pure Technical Analysis” (TA เพียวๆ)
คือแนวทางที่เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดโดยอิงจาก “พฤติกรรมของราคา (Price Behavior)” เท่านั้น
ไม่ใช้ข่าว ไม่ใช้ปัจจัยพื้นฐาน ใช้ “ข้อมูลที่เกิดขึ้นบนกราฟ” เป็นหลักทั้งหมด
🔹 1. แนวคิดหลัก (Core Concept)
“ทุกสิ่งที่มีผลต่อราคา — สะท้อนอยู่ในกราฟแล้ว”
Pure TA เชื่อว่า
ราคาคือผลรวมของทุกอารมณ์ ความคาดหวัง และข้อมูลในตลาด
ดังนั้น เราไม่ต้องรู้ข่าว เราแค่ต้อง “อ่านร่องรอยของแรงซื้อ–ขาย” ที่ปรากฏบนกราฟให้ขาด
🔹 2. เป้าหมายของ Technical Analysis
- หา “แนวโน้มของราคา” (Trend)
- หา “จุดเข้า–ออก” ที่มีความน่าจะเป็นสูง (High-Probability Setup)
- ควบคุม “ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน” (Risk/Reward)
TA ไม่ได้ทำนายอนาคต
แต่ “ประเมินความน่าจะเป็น” ของการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป
🔹 3. โครงสร้างของ Pure Technical Analysis
Pure TA ประกอบด้วย 3 ชั้นสำคัญที่เชื่อมกันอย่างเป็นระบบ 👇
🔸 ชั้นที่ 1 — Price Structure (โครงสร้างราคา)
พื้นฐานของทุกระบบ TA
- Higher High / Higher Low → ขาขึ้น
- Lower High / Lower Low → ขาลง
- Break of Structure (BOS) → เปลี่ยนแนวโน้ม
- Range / Consolidation → ตลาดสะสมแรง
- Liquidity / Stop Hunt → จุดที่รายใหญ่เก็บคำสั่ง
🔹 จุดโฟกัส: “ตลาดกำลังทำอะไรอยู่” ไม่ใช่ “เราคิดว่าควรไปทางไหน”
🔸 ชั้นที่ 2 — Price Action & Candlestick Behavior
อ่านแรงซื้อ–ขายจากพฤติกรรมของแท่งเทียน
- Pin Bar, Engulfing, Inside Bar
- Rejection & Confirmation Candle
- Momentum Candle / Volume Candle
- Breakout / Fakeout
- ใช้ Timeframe หลายระดับเพื่อดูโครงสร้างที่ใหญ่และละเอียด
🔹 จุดโฟกัส: “แรงในแต่ละแท่งเทียนบอกเจตนาของตลาดอย่างไร”
🔸 ชั้นที่ 3 — Technical Tools (เครื่องมือเสริมการตัดสินใจ)
ใช้เพื่อยืนยันหรือกรองสัญญาณ ไม่ใช่เป็นตัวนำตลาด
- Moving Average (MA): ช่วยดูแนวโน้มและ Dynamic S/R
- RSI / MACD: วัด Momentum และ Divergence
- Fibonacci Retracement / Extension: หาจุดกลับตัวและเป้าหมายราคา
- Volume Profile / VWAP: หาจุดที่มีสภาพคล่องสูง (Value Area)
🔹 จุดโฟกัส: “เครื่องมือช่วยอ่าน ไม่ใช่สั่งให้เทรด”
🔹 4. หลักคิดสำคัญของสาย Technical เพียวๆ
หลักการ | คำอธิบาย |
---|---|
Trend is your friend | เทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด |
Price discounts everything | ราคาสะท้อนทุกข้อมูลแล้ว |
History repeats itself | พฤติกรรมราคามีรูปแบบที่ซ้ำได้ |
Market is fractal | โครงสร้างซ้ำในทุก Timeframe |
Trade what you see, not what you think | เทรดจากสิ่งที่กราฟบอก ไม่ใช่ความรู้สึก |
🔹 5. เครื่องมือหลักของ Pure Technical Analyst
- แท่งเทียน (Candlestick Chart)
- แนวรับ–แนวต้าน (S/R Zones)
- เทรนด์ไลน์ และโครงสร้างตลาด (Market Structure)
- แพทเทิร์นราคา (Price Patterns) เช่น
- Head & Shoulders
- Double Top/Bottom
- Flag / Triangle
- อินดิเคเตอร์เสริม (Secondary Tools) เช่น
- MA, RSI, MACD, Volume Profile
- Timeframe Analysis (Multi-TF)
- กรอบใหญ่บอกทิศ, กรอบเล็กหาจังหวะเข้า
🔹 6. การตัดสินใจของเทรดเดอร์สาย TA
ทุกการเทรดต้องตอบคำถาม 3 ข้อก่อนเข้าออเดอร์ 👇
- Trend: ตอนนี้ตลาดอยู่ในเทรนด์แบบไหน?
- Zone: อยู่ในโซนซื้อ (Demand) หรือขาย (Supply)?
- Signal: มีสัญญาณยืนยันจาก Price Action หรือไม่?
เมื่อครบ 3 ข้อ = มี Setup ที่มีความน่าจะเป็นสูง
เมื่อไม่ครบ = “รอ”
🔹 7. จุดแข็งและข้อจำกัดของ Pure TA
จุดแข็ง | ข้อจำกัด |
---|---|
ใช้ได้กับทุกตลาดและทุก Timeframe | ต้องอาศัยประสบการณ์ในการตีความ |
วัดผลได้ด้วยสถิติ (ไม่ต้องเดา) | อาจเกิดสัญญาณหลอก (Fakeout) |
ใช้ข้อมูลราคาจริง ไม่ขึ้นกับข่าว | ไม่รู้เหตุผลเชิงเศรษฐกิจที่อยู่เบื้องหลังราคา |
เหมาะกับการเทรดระยะสั้น–กลาง | ต้องมีวินัยสูงในการรอจังหวะที่ชัดเจน |
🔹 8. Mindset ของ Technical Trader
- วิเคราะห์เหมือนนักสถิติ → มองแต่ “ความน่าจะเป็น”
- ตัดสินใจเหมือนหุ่นยนต์ → ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
- วัดผลแบบระบบ → ทุกเทรดต้องมีเหตุผล, Stop Loss, และ RR ที่คำนวณได้
🧭 สรุปสั้นสุดแบบมืออาชีพ
🔹 Pure Technical Analysis คือการอ่านตลาดจาก “ราคาล้วนๆ”
🔹 เน้น “พฤติกรรมราคา + โครงสร้างตลาด”
🔹 ใช้เครื่องมือเพื่อ “ยืนยัน” ไม่ใช่ “ทำนาย”
🔹 มุ่งเน้นการ “หาความได้เปรียบทางสถิติ” (Statistical Edge)
🔹 จุดสูงสุดของสายนี้คือ “Price Action Trading” และ “Smart Money Concept (SMC)”